กระทรวงคลัง เคาะต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) มีนาคมปีหน้า ด้าน สศค. เสนอข้อศึกษา ต้องขยายเวลาเพิ่มจำนวนปีการถือครอง 10 ปี และลดวงเงินที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 8 แสนบาทต่อปี
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับการพิจารณาสิทธิประโยชน์กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่จะหมดอายุในปี 2559 ขณะนี้กระทรวงการคลัง กำลังศึกษาข้อดีข้อเสียถึงผลกระทบต่างๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนที่จะยกเลิกหรือให้สิทธิต่อไปหรือไม่ ภายในเดือนมีนาคม 2558
"ส่วนตัวอยากให้สิทธินี้ดำเนินต่อไป แต่ขอดูรายละเอียดก่อน ซึ่งการพิจารณาตอนนี้ก็ยังไม่สายเกิน ส่วนแนวความคิดที่จะเปลี่ยนเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยังเป็นเพียงแค่แนวคิด และเป็นหน้าที่กระทรวงการคลังจะต้องศึกษาต่อเช่นกัน" นาย สมหมายกล่าว
นายสมหมายกล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมพร้อมดำเนินการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (International Trading Headquarter) ยังอยู่กับการทำรายละเอียดเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับเงินได้จากการบริหารเงิน ประกันภัย การค้าและโลจิสติกส์ที่มีฐานรายได้ในต่างประเทศ การให้สิทธิพิเศษด้านการทำงาน (VISA work permits) ระยะยาว สำหรับผู้ที่เข้ามาทำงานในไทยรวมถึงครอบครัว เป็นต้น
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สมควรที่จะขยายอายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับแอลทีเอฟ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ สศค.มองว่า จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสนับสนุนการออมระยะยาว ตามวัตถุประสงค์ของแอลทีเอฟอย่างแท้จริง โดยเพิ่มเป็น 10 ปี หรือ 8 ปี 2 วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 ปีปฏิทิน ทำให้ผู้ที่ถือครองเพียง 3 ปี 2 วัน ก็สามารถขายได้เพราะซื้อวันสุดท้ายและไปขายวันแรกของปีที่ครบกำหนด
นายกฤษฎากล่าวว่า พร้อมกันนี้ จะต้องลดวงเงินเพดานค่าลดหย่อนเกินวงเงินเท่าไหร่ เช่น ปรับลดเหลือไม่เกิน 8 แสนบาทต่อปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนชั้นกลางมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท ดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือคนรวยมากกว่า และหากยังคงใช้สิทธิค่าลดหย่อนแอลทีเอฟ เท่าเดิม 5 แสนบาท ก็ต้องปรับสิทธิค่าลดหย่อนส่วนอื่นๆ ลงมา หรือจะให้เลือกลงทุนได้ทุกตัว แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินเพดานค่าลดหย่อนที่กำหนด เป็นต้น
"ขณะนี้เป็นแนวคิดที่ สศค. เตรียมเสนอ รมว.คลัง หลังจากเมื่อได้ทราบว่า รมว.คลังต้องการให้สิทธินี้ยังอยู่ต่อไป โดยต้องปรับวัตถุประสงค์ใหม่ให้สอดคล้องกับการออมระยะยาวมากขึ้น จึงต้องขยายเวลาแน่นอน ขณะนี้ยังพอมีเวลาพิจารณาสิทธิค่าลดหย่อน ต้องมีการลดวงเงิน แต่หากไม่ลดวงเงินขั้นต่ำ ก็ต้องลดวงเงินภาพรวม" นายกฤษฎากล่าว
