หลังจบเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่หงส์แดงบุกไปพ่ายราชันชุดขาว 0-1 มีการถกเถียงกันมากเกี่ยวกับเรื่องการจัดตัวลงสนามของ "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ผมล่ะงงจริงๆ...
งงในที่นี้คือ มีแต่คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการส่งตัวสำรองลงสนาม ทำให้ต้องย้อนกลับไปไล่รายชื่อ 11 ตัวจริงในนัดดังกล่าว
เมื่อไล่รายชื่อดูแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามันจะสำรองตรงไหน เพราะแต่ละคนก็มีชื่อเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่ทั้งหมด และมีความสามารถมากพอที่จะลงทดแทนตัวจริงได้ทั้งนั้น
ถ้า 11 ตัวจริงในเกมนั้น มีแต่นักเตะทีมเยาวชน หรือนักเตะที่มีชื่อเล่นในลีกสำรอง ก็ว่าไปอย่าง ก็คงได้แต่ปลงและงงกันไป
แต่นั่นคืออดีต มันผ่านไปแล้ว!!!
มาว่ากันถึงปัจจุบัน และอนาคตที่กำลังจะมาถึงดีกว่า โดยเฉพาะอนาคตของกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่กำลังเดินทางมาถึง "จุดเปลี่ยน"
เพราะในวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ลิเวอร์พูล จะลงสนามนัดที่ 11 ในศึกพรีเมียร์ลีก พบกับ เชลซี ทีมจ่าฝูงที่ยังไม่แพ้ใครในลีก หากแข้งหงส์แดงได้น้อยกว่า 3 แต้ม บางทีอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ก่อนจะสายเกิน!
หากย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2013-14 ซึ่งหงส์แดงมีโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด แต่มาพลาดท่าเสียทีในช่วงท้ายฤดูกาลต่อทีมสิงโตน้ำเงิน ของกุนซือ โชเซ มูรินโญ จนส่งผลกระทบถึงจิตใจนักเตะ และชวดแชมป์ในที่สุด
มาถึงนัดสุดสำคัญวันเสาร์นี้ ร็อดเจอร์ส จะได้ประชันฝีมือกับจอมแท็คติกอย่าง มูรินโญ อีกครั้ง ถ้า ร็อดเจอร์ส เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้ ทุกอย่างน่าจะยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม
แต่ถ้า มูรินโญ เป็นฝ่ายเฮ บางที ร็อดเจอร์ส อาจต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิตอีกครั้ง