กดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจ เอ้ากดเลย

?(*^ – ^*)?

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 บิ๊กแบรนด์ ปิดงบฯ9เดือน กำไรโตยกแผง 35%



จากการสำรวจพบว่าบริษัทพัฒนาที่ดิน 10 ราย มียอดรับรู้รายได้รวมกัน 139,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 11.5% และมีกำไรสุทธิรวมกัน 23,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.3% ในจำนวนนี้บริษัทที่มียอดรับรู้รายได้ 9 เดือนแรก 2557 สูงที่สุด คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ทำได้ 30,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุดยังคงเป็น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทำได้ 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4% ส่วน บมจ.ศุภาลัยเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนทำกำไรสุทธิสูงสุด คิดเป็น 24.8% มีกำไรสุทธิ 2,922 ล้านบาท จากยอดรับรู้รายได้ 11,770 ล้านบาท

นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปีนี้จะออกมาดี สวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ภาวะเงินฝืดในขณะนี้ สาเหตุมาจากปี 2555-2556 ผู้ประกอบการอสังหาฯเปิดตัวโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวนมาก และสะสมแบ็กล็อกไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะภาพรวมปี 2556 มีคอนโดฯเปิดตัวในกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 8.5 หมื่นยูนิต สูงที่สุดในรอบ 16 ปี นับจากปี 2540

"คาดว่าผลประกอบการช่วงไตรมาส 4/2557 ต่อเนื่องถึงปี 2558 จะยังคงออกมาดี โดยเฉพาะบริษัทที่เปิดตัวคอนโดฯเมื่อปี 2556 ส่วนใหญ่จะทยอยโอนเพื่อรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลัง 2558"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่ยังคงเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ปี 2557 ตามที่ประกาศไว้ในช่วงต้นปี อาทิ บมจ.พฤกษาฯตั้งเป้าหมายทั้งปี 4.2 หมื่นล้านบาท บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (คิวเฮ้าส์) 2 หมื่นล้านบาท บมจ.ศุภาลัย 2 หมื่นล้านบาท บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 1.2 หมื่นล้านบาท บมจ.ไรมอนแลนด์ 7.4 พันล้านบาท บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ปรับเพิ่มเป้าหมายรับรู้รายได้ทั้งปีจาก 2.1 หมื่นล้านบาท เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทที่ปรับลดเป้าหมายรับรู้รายได้ เช่น บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ ปรับลดจาก 1.5 หมื่นล้านบาท เหลือ 1.36 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้องชะลอโอนโครงการคอนโดฯลุมพินีทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 ส่วนแรกไปเป็นปีหน้า เนื่องจากได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานอีไอเอ) ช้ากว่าที่คาดไว้, บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปรับลดจาก 2.1 หมื่นล้านบาท เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกระบวนการควบรวมกิจการกับ บมจ.ไทย พร็อพเพอร์ตี้ ช้ากว่าแผนที่คาดไว้